วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประวัติคิตตี้จ้า


เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษมัน้ำหนักตัวเท่ากับแอปเปิ้ล 3 ผล เจ้า Kitty เป็นแมวเด็กหญิงตัวเล็ก ซึ่งชอบการทำ คุกกี้เป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนี้ยังชื่น ชอบ ลูกกวาด ดาว และปลาทอง ฯลฯ อีกด้วย
แมวเหมียวสีชมพูคาแรกเตอร์การ์ตูน “ ฮัลโหล คิตตี้ ” ที่น่ารักน่าชังขวัญใจ ของกลุ่มคนหลายวัยได้ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ โลโก้ ยี่ห้อ ดัดแปลงให้เข้ากับ ผลิตภัณฑ์นานาชนิด ที่มีราคาไม่กี่สิบบาทไปจนถึงหลักล้านบาท อาทิเช่น สินค้าจำพวกโทรศัพท์มือถือ , โน้ตบุ๊ก , คอมพิวเตอร์ พีดีเอ , ยูเอสบี ฮับ , กระติกน้ำร้อน และสินค้าอื่นๆ ถูกวางขายตั้งแต่ 30 ปีเศษที่ผ่านมา ความนิยมในตัวการ์ตูนแมวเหมียว ถูกต้อนรับจาก กลุ่มวัยรุ่นที่เป็นต้นแบบ ของความน่ารัก “ คิกขุ ” โดยจะมีกลุ่มใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเพื่อหลงใหลเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และคงไม่มีใครคิดว่า จะสร้างรายได้ให้ บริษัทซานริโอถึงปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 41,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายตัวลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ “ ฮัลโหล คิตตี้ ” ได้ถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ถูกนำไปใช้กับสินค้าทั่วโลกกว่า 22,000 ชนิด แม้กระทั่งมิตซูบิชิยังใช้โลโก้นี้ ผลิตรถมินิคาร์สีชมพ โดยในแต่ละเดือนจะมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาถึง 600 ชนิด เพราะเป็นสินค้าที่ขายได้ มีกลุ่มลูกค้าชัดเจน ขณะที่ซานริโอเองผลิตสินค้าของตนภายใต้ยี่ห้อฮัลโหล คิตตี้ประมาณ 6,000 ชนิด โดยที่เจ้าของมีกฎข้อห้ามไม่ให้นำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ยาสูบ , แอลกอฮอล์ และอาวุธ นายชินทาโร ซึจิ ผู้ก่อตั้งบริษัทซานริโอมาตั้งแต่ปี 2503 ได้สิทธิ์ขายสินค้า “ สนู X ” และ “ บาร์บี้ ” ในญี่ปุ่น ต่อมาคิดค้นตัวฮัลโหล คิตตี้ ออกมาในปี 2513 จนปัจจุบัน คาแรกเตอร์การ์ตูนของซานริโอมีอยู่กว่า 400 ตัว ตัวที่ประสบความสำเร็จ ที่สุดก็คือแมวเหมียวฮัลโหล คิตตี้ ตามด้วยสุนัข “ ซินนามอร์โรลล์ ” และแมว “ ช็อกโกแค็ท ” แน่นอนว่าฮัลโหล คิตตี้ จะต้องเป็นผู้เลี้ยงดูตัวคาแรกเตอร์ อื่นๆ ที่ยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้ สิ่งที่ท้าทายซานริโอในขณะนี้ก็คือ รายได้หลักที่มีอยู่ถึง 85% อยู่ในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่อัตราการขยายตัวของประชากรอยู่ในระดับต่ำมาก เกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์ยังเป็นอุปสรรคขวากหนามหลัก และยังมีการประเมินกันว่ามียอดละเมิดลิขสิทธิ์อยู่เกือบ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 32,000 ล้านบาท โดยสินค้าเกือบทั้งหมดจะมาจากประเทศจีน ยิ่งในปัจบันเป็นยุคสังคมดิจิตอลที่สินค้าไฮเทค ถูกประดิษฐ์คิดค้นออกมาจำนวนมาก แต่ไม่ว่าจะไฮเทคแค่ไหน ฮัลโหล คิตตี้ ก็ยังจะเป็นที่นิยม ไปอีกแสนนานตราบที่ยังมีลูกค้าที่ ภักดีกับ แมวเหมียวตัวนี้